เรียนท่านประธาน ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๔ พรรคก้าวไกล ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ หน่วยงานทุกหน่วยงานที่ได้ทุ่มเททำงานช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง สำหรับวันนี้นะคะดิฉันขอให้ความเห็นเพิ่มเติมเพียงสั้น ๆ เล็กน้อยในประเด็นของความรุนแรง ในครอบครัวที่เกิดจากการขาดความรู้ความเข้าใจ และค่านิยมผิด ๆ ในการเลี้ยงดูบุตร ที่ยังมีอยู่ในสังคมไทย ยกตัวอย่างเช่นค่านิยมของการที่คิดว่าการอบรมสั่งสอน การควบคุม อย่างเข้มงวดคือวิธีที่ถูกต้อง การดุด่า สั่งสอน จับจ้อง ควบคุมเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ การดุด่า สั่งสอนว่ากล่าวโดยใช้คำพูดด้านลบ และการข่มขู่จะช่วยให้ได้ผลอย่างรวดเร็ว โดยคิดไม่ถึงเลยว่า สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความเจ็บปวด บอบช้ำให้กับจิตใจของเด็ก ๆ มากน้อยเพียงใด การใส่ปุ๋ย ด้านลบจะไม่มีวันผลิดอกออกผลเป็นด้านบวก ปัญหาเด็กติดเกม หลีกหนีสังคม ปัญหา บุคลิกภาพ ปัญหาสุขภาพจิต การเอายาเสพติดเป็นที่พึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลพวงจากการขาด ความรู้ความเข้าใจในการเลี้ยงดูบุตร ดิฉันขอเสนอให้มีการส่งเสริม การเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการเลี้ยงดูบุตรให้กับสถาบันครอบครัวอย่างจริงจังได้แล้วค่ะ ยกเลิกค่านิยม รักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี เปลี่ยนเป็นรักวัวให้ผูกรักลูกต้องปล่อยปละบ้าง ใส่ใจแต่ไม่ควบคุม ใช้การพูดแทนการบังคับ ให้การเคารพซึ่งกันและกันในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง สุดท้ายการมีลูก คือการเสียสละ คือการให้ความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข ลูกไม่ได้มีไว้เพื่อให้เกิดมาแล้วต้องมา เลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่า หยดหนึ่งค่าน้ำนมกินไม่ต้องทดแทน น้ำนมคือน้ำนมที่มีให้ลูก โดยไม่มีเงื่อนไข ขอบคุณค่ะ
เรียนท่านประธาน ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สส. แบบแบ่งเขต พรรคก้าวไกล จากที่ดิฉันได้อ่านรายงานสรุปผลการดำเนินการ ตามยุทธศาสตร์ชาติประจำปี ๒๕๖๕ ดังกล่าว ดิฉันมีข้อสงสัยและอยากชวนให้เพื่อนสมาชิก ทบทวนเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้ ซึ่งการอภิปรายนี้ดิฉันตั้งข้อสังเกตไปที่ ๒ ด้าน ด้วยกัน คือ
ด้านแรก ด้านความอยู่ดีมีสุขของคนไทยและสังคมไทย
ด้านที่ ๒ ความเท่าเทียมและความเสมอภาคทางสังคม
โดยในด้านที่ ๑ หรือมิติที่ ๑ ตามรายงานผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ผลรายงานฉบับนี้ได้มีการรายงานผลว่าดัชนีชี้วัด ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันในสังคมไทย มีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด และลดลง อย่างมีนัยสำคัญ จากตัวชี้วัด ๕ ด้านในรายงานฉบับนี้เองพบว่าลดลงในทุก ๆ ด้าน และไม่น่าแปลกใจเลยที่ตัวชี้วัดด้านที่เป็นสังคมประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลจะลดลง เหลือ ๕๙.๗๐ เปอร์เซ็นต์ รายงานยังบอกว่าอยู่ในระดับที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งดิฉันก็คงไม่คิดว่า ธรรมาภิบาลจะดีขึ้นจากแผนนี้ที่ไม่ได้มีที่มาอย่างชอบธรรม เราไม่มีทางที่จะสร้างสังคม ประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลได้ หากเรายังใช้แผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีฉบับนี้ แผนนี้เป็นแผนที่ผู้มีอำนาจคิดแทนประชาชน ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบแผน ที่จะกระทบต่อชีวิตของพวกเขา จึงไม่แปลกใจเลยที่รายงานผลการดำเนินการ ๕ ปีที่ผ่านมานี้ ก็ไม่มีวี่แววว่าดัชนีความอยู่เย็นเป็นสุขในสังคมไทยจะเพิ่มสูงขึ้น มีแต่แนวโน้มที่จะลดลงเรื่อย ๆ ทีนี้เรามาดูด้านความเท่าเทียมและความเสมอภาคของสังคม พบว่าการรายงานเกี่ยวกับ สถานการณ์ความเท่าเทียมและความเสมอภาคทางสังคมประเทศไทย ปี ๒๕๖๕ ระบุไว้ใน หน้า ๕๘ ของรายงานว่าความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยค่อนข้างคงที่ เกือบจะเคลิ้มไปกับการใช้ ภาษาที่ว่าค่อนข้างคงที่แล้วค่ะ แต่ที่ว่าคงที่คือ ๒ ปีหลัง ความเหลื่อมล้ำยังคงเท่าเดิม รายงานฉบับนี้แสดงตัวเลขว่ารายได้ของคนจนที่สุดกับคนรวยที่สุดมีช่องว่างห่างกัน หรือมีความเหลื่อมล้ำของรายได้ที่คงที่เท่าเดิม ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม กล่าวคือในปี ๒๕๖๓ อยู่ที่ ๘.๒ และในปี ๒๕๖๔ อยู่ที่ ๘.๖๑ คือค่อนข้างคงที่ที่ไม่ได้ทำอะไร ที่ดีขึ้นมาเลย ไม่มีการแก้ไข ไม่มีการเข้าใจปัญหาความเหลื่อมล้ำอย่างจริงจัง ยังคงอยู่กับ ความเหลื่อมล้ำที่มีแต่แย่ลง แย่ลง อย่างไรก็ตามขอชื่นชมทีมผู้จัดทำรายงานที่รายงาน อย่างตรงไปตรงมาว่าความเท่าเทียมและความเสมอภาคของสังคมด้านความก้าวหน้าทาง สังคมลดลง แต่รายงานผลว่าความเหลื่อมล้ำคงที่ โดยใช้ตัวชี้วัดในที่นี้คือค่าสัมประสิทธิ์ ความไม่เสมอภาคเป็นตัวชี้วัดเดียว ซึ่งนำเอารายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนของคนรวยและคนจน มาอธิบายความเหลื่อมล้ำในสังคม ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยความเหลื่อมล้ำทางสังคมไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ไม่ได้มีการสำรวจวิเคราะห์ถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาส ความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงความยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ ความเหลื่อมล้ำ ด้านที่ดินและสิ่งแวดล้อมที่การถือครองที่ดินของคนรวยมีอัตรามากกว่าคนจนอย่างน่าหดหู่ คนจนกว่า ๗๕ เปอร์เซ็นต์ในสังคมไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้ และในช่วงวิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมา อัตราคนที่ไม่สามารถครอบครองที่ดินได้มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอัตรา การว่างงานก็มีมากขึ้นด้วย ดิฉันซึ่งเป็น สส. เขตที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่หาเสียงพบปะประชาชน พบเห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมในช่วง COVID-19 มากมาย การบริหารจัดการวัคซีนที่ล่าช้า การรักษาเยียวยาที่ไม่เท่ากัน คนรวยมีโอกาสเข้าถึงมากกว่าคนจน เด็กเล็ก หญิงมีครรภ์ ผู้สูงอายุหลายคนต้องเสียชีวิตก่อนได้เตียง ในการเข้าถึงมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจ ก็ต้องพิสูจน์ความจน เราเห็นข่าวมากมายว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ตกหล่นจากระบบ ไม่ได้รับสิทธิการเยียวยา อย่างไรก็ตามจากวิกฤติ COVID-19 ดังกล่าวมองด้วยตาเปล่า ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผลกระทบกระทบกับคนจนมากกว่าคนรวย และข้าราชการ คนจนที่เมื่อล้มก็ไม่ได้มีเบาะรองรับที่นุ่มเท่ากับคนรวย การเยียวยาต่าง ๆ คนรวยนายทุน ได้รับการดูแลและมีอภิสิทธิ์มากกว่าคนจน ในขณะที่คนตัวเล็กตัวน้อยต้องปิดกิจการลง คนรวยกับมีโอกาสสะสมทุนจากวิกฤตินี้ ชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่าความเหลื่อมล้ำนั้นเพิ่มขึ้น และมีโอกาสที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนโยบายและการดำเนินการของรัฐบาล ที่ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา แต่ในรายงานฉบับนี้กลับบอกว่าค่อนข้างคงที่ ค่อนข้าง คงที่ในที่นี้หมายถึงไม่พัฒนายังคงที่ ไม่มีการพัฒนาเลยใช่หรือไม่ นโยบายและแผนรับมือ วิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมายิ่งทำให้เห็นว่ายุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ไม่สามารถปรับตัวให้ทันโลกได้ ยิ่งไปกว่านั้นยุทธศาสตร์ชาติและแผนฉบับนี้ยังเหมือนกับกับดักที่ทำให้รัฐบาลต้องแก้ไข ปัญหาให้กับยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้ แล้วผลก็ออกมาคือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ ไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ ขาดความคล่องตัว ไม่ตอบโจทย์ของปัญหา เพราะไม่ได้แตะไปที่โครงสร้าง ของปัญหาอย่างแท้จริง ดิฉันไม่อยากเห็นการสงเคราะห์ที่คล้ายกับการโยนเศษเนื้อ เศษอาหารมาให้ประชาชนต้องมาคอยแย่งชิงกันเอง อย่างเช่นโครงการเราชนะที่คนแพ้ ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ปัญหาความเหลื่อมล้ำก็มีแต่ทวีความสูงขึ้น และท้ายที่สุดคนจนก็ตกขบวน จากนโยบายหรือแผนยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้
สุดท้ายนี้ไม่ใช่แค่ความหลอกหลอนที่ประชาชนต้องมาพบกับยุทธศาสตร์ชาติ ฉบับนี้ไปอีกหลายปี แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ยังต้องพบกับดักจาก พ.ร.บ. การจัดทำ ยุทธศาสตร์ชาตินี้ เนื่องจากยุทธศาสตร์ชาติฉบับนี้มีผลบังคับให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ต้องแถลงนโยบายให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีนี้ไม่เคยเป็น ความหวังให้กับประชาชน แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและตรวจสอบได้ต่างหาก คือความหวัง การกระจายอำนาจจากทุนและรัฐให้กับประชาชนอย่างแท้จริงต่างหาก คือความหวัง การเป็นรัฐสวัสดิการต่างหากคือการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความไม่เสมอภาคของสังคม สิ่งเหล่านี้ต่างหากคือสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไข ให้กับประเทศชาติและประชาชนของสังคม สิ่งเหล่านี้ต่างหากคือสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้อง แก้ไขให้กับประเทศชาติและประชาชนของพวกเราค่ะ ขอบคุณค่ะ
เรียนท่านประธานสภาค่ะ ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๔ พรรคก้าวไกล วันนี้ดิฉันมีเรื่อง อยากจะมาปรึกษาหารือท่านประธานทั้งหมด ๓ เรื่องดังนี้
เรื่องแรก สะพานบริเวณสามแยกป่าตองบ้านป่าลาน หมู่ที่ ๒ ตำบล สันทรายหลวง อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโค้งหักศอก สะพานแคบเกิดอุบัติเหตุ บ่อยมาก
ขอกรมทางหลวงและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทำการขยายสะพานด้วยค่ะ
เรื่องที่ ๒ ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย ไฟฟ้าดับไฟตกบ่อยมาก ประชาชน เดือดร้อน ขอการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคช่วยแก้ไขด้วยค่ะ
เรื่องที่ ๓ โรคไวรัส RSV ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในกลุ่มเด็กเล็กและทารก ขณะนี้มีความเสียหายเกิดขึ้นกับผู้ปกครองและเด็กเล็กเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โรคนี้ เป็นโรคร้ายแรงเป็นแล้วเชื้อลงปอดรุนแรง ค่ารักษาพยาบาลก็สูง อยากจะให้กระทรวง สาธารณสุขมีมาตรการเชิงรุกได้แล้วค่ะ ช่วยป้องกันและเยียวยาเด็ก ๆ และผู้ปกครองด้วย อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของลูกใครลูกมันเลย แล้วก็มาพูดร้องขอในที่ประชุมแห่งนี้ บอกว่าทำไมคนรุ่นใหม่ถึงไม่อยากมีลูกกัน ก็ขอให้ช่วยมีมาตรการเชิงรุก แล้วก็ดูแลเยียวยา ผู้ปกครองและเด็ก ๆ ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
เรียนท่านประธานสภาที่เคารพ ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๔ พื้นที่อำเภอสันทราย ทั้งอำเภอและอำเภอแม่ริม ตำบลดอนแก้ว เมืองแก้ว และแม่สา ท่านประธานคะ เนื่องจาก พ่อแม่พี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่ของดิฉันได้ประสบปัญหาน้ำท่วมขังทุกปี ท่วมซ้ำซาก ในพื้นที่หลายหมู่บ้าน หลายตำบล ดิฉันจึงขอใช้เวลาในสภาแห่งนี้เพื่ออภิปรายปัญหาที่มาที่ไป รวมถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก วิกฤติน้ำท่วมขังรอระบาย หลังฝนตกหนักในเชียงใหม่ เขต ๔ สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือการขยายเมืองอย่างไม่ เหมาะสม กีดขวางทางระบายน้ำตามธรรมชาติ เราพูดกันมานานและพูดกันมาตลอด ถึงการผลักดันแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ กรมโยธาธิการและผังเมืองต้องรื้อสร้างผังเมืองใหม่ แก้ไขปัญหาพื้นที่รองรับน้ำ ปรับปรุงทางระบายน้ำ ในการอนุญาตก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่นั้น ก็จะต้องไม่ขัดขวางทางน้ำผ่าน แต่สิ่งเหล่านี้ที่พวกเราพูดกันมานานก็ไม่เคยมีความคืบหน้า เท่าที่ควร พื้นที่ชุ่มน้ำที่เคยเป็นพื้นที่ซับน้ำถูกถมทำลายด้วยการเติบโตของเมืองที่ไม่ได้ มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ กลายเป็นหมู่บ้านจัดสรรมากมาย มีการตัดถนนที่ขวางทางน้ำ ปิดช่องทางระบายน้ำ หลายพื้นที่เป็นปัญหาซ้ำซากประชาชนเดือดร้อน โดยเฉพาะพื้นที่ ที่เป็นรอยต่อของความรับผิดชอบก็มีการเกี่ยงกันไปมา ยกตัวอย่างเช่น ซอยบ้านพระนอน ๒๑ หมู่ที่ ๕ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ จุดนี้อยู่เยื้องกับ อบจ. เชียงใหม่และอยู่ ใกล้กับศูนย์ราชการ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าจุดนี้จะเป็นจุดที่มีน้ำท่วมซ้ำซากทุกทีทุกปีที่มีฝนตก หนัก เมื่อเร็ว ๆ นี้วันที่ ๒ กันยายนก็ท่วมไปแล้วครั้งหนึ่ง อีก ๒ สัปดาห์ก็ท่วมอีก ประชาชน ในพื้นที่ต้องทนสภาพแบบนี้มานานเป็นสิบ ๆ ปี อีกจุดหนึ่งหมู่บ้านศิริพร ๒ ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย หมู่บ้านนี้ก็ท่วมเป็นประจำเมื่อฝนตกหนัก ชาวบ้านพาดิฉันเดินลุยน้ำเพื่อดู ปัญหาพบปัญหามากมาย ปัญหาหนึ่งที่พบคือการวางท่อของถนนทางหลวงหมายเลข ๑๒๑ ที่อยู่สูงกว่าลำรางระบายน้ำของหมู่บ้าน ตรงนี้ก็จะขอให้กรมทางหลวงช่วยเร่งดำเนินการ ด้วยค่ะ จุดที่ ๓ อีกจุดหนึ่งคือหมู่บ้านสินธนา หมู่ที่ ๒ ตำบลสันพระเนตร อำเภอสันทราย ก็เหมือนกันกับ ๒ จุดแรก ที่ดิฉันได้อภิปรายไป คือน้ำท่วมรอระบายซ้ำซากทุกปี จะเห็น ได้ว่าความเดือดร้อนของชาวบ้านของประชาชนถูกเยียวยาโดยเครื่องสูบน้ำเล็ก ๆ จาก ภาครัฐ เมื่อมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องประชาชนก็ทำได้เพียงแค่ภาวนาขอให้อย่ามีฝนตกลง มาอีกเลย เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยค่ะ
อีกประเด็นหนึ่ง คือการลงทุนในโครงสร้างที่จะช่วยควบคุมน้ำท่วม นี่ก็สำคัญ เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำที่เกิดจากความต้องการของประชาชน ตรงนี้ก็จะช่วยรองรับน้ำ ป้องกันอุทกภัยแล้วก็ภัยแล้งได้ ท่านประธานคะ ในเขตพื้นที่ของดิฉันอ่างเก็บน้ำห้วยแม่แฝก ประชาชนทำเรื่องร้องขอไปกว่า ๒๐ ปีแล้ว เรื่องก็ยังคงค้างอยู่ที่กรม กระทรวง ไม่ไปถึงไหน อันนี้ก็ขอฝากให้ช่วยเร่งพิจารณาด้วย
สาเหตุสำคัญอีกสาเหตุหนึ่ง คือการบุกรุกที่ริมฝั่งแม่น้ำปิงของกลุ่มนายทุน เอกชนและหน่วยงานราชการ เช่น การขุดทราย การดูดทรายไปขาย ทำลายระบบนิเวศ ทางน้ำไหลตามธรรมชาติ ไม่มีใครกล้าออกมาจัดการเพราะมีผู้รู้เห็นได้ประโยชน์กัน หลายฝ่าย สรุปปัญหาเรื่องผังเมือง การกระจายอำนาจ และการคอร์รัปชันนี้ก็เป็นเหตุสำคัญ เหตุใหญ่อย่างหนึ่งของปัญหาการที่มีน้ำท่วมขังซ้ำซาก และการแก้ไขปัญหานี้จะต้องมี การวางผังเมืองใหม่ พื้นที่ไหนที่สมควรเป็นพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ไหนที่เป็นพื้นที่การเกษตร ตรงไหนเป็นพื้นที่ที่เป็นทางระบายน้ำต้องวางแผนอย่างเป็นระบบ มีการกระจายอำนาจ ให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้าไปมีส่วนร่วมในแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยจะต้องไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ในทางการเมือง ธุรกิจ และกลุ่มผู้มีอำนาจใดแอบแฝงค่ะ ขอบคุณค่ะ
เรียนท่านประธาน ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ท่านประธาน ที่เรา พิจารณากฎหมายทั้ง ๗ ฉบับในวันนี้เป็นเพราะว่ากฎหมายเดิมที่มีอยู่นั้นไม่ครอบคลุม ไม่ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมลพิษ มลภาวะ ทางอากาศหรือทางน้ำก็ดี ทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมาเวลาชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจาก การปล่อยมลพิษจากผู้ประกอบการจากโรงงาน น้อยครั้งที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะทำหน้าที่ เป็นกลางอย่างที่ควรจะเป็น หลายครั้งมีการเพิกเฉย หลายครั้งดูราวกับว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะเข้าข้างฝั่งผู้ประกอบการ โรงงาน กลุ่มทุนมากกว่าคุ้มครองปกป้องชาวบ้าน ในมิติ ทางเศรษฐกิจ ทางการเมืองและสังคม โดยเฉพาะในระบอบอุปถัมภ์แบบไทย ๆ เราปฏิเสธ ไม่ได้เลยว่าอาจจะส่งผลให้รัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐเอื้อผลประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน กลุ่มธุรกิจ มากกว่าประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องถูกแก้ไขโดยกฎหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรม เพื่อรับรองสิทธิและคุ้มครองเสียงของประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย ทีนี้เรามาดูที่ร่างกฎหมายฉบับของ ครม. ฉบับนี้กันค่ะ
มาตรา ๘๑ ดิฉันขออนุญาต อ่านเลยนะคะ มาตรา ๘๑ หมวด ๙ โทษอาญา ผู้ใดแพร่หรือไขข่าวที่ไม่เป็นความจริง เกี่ยวกับอันตรายจากแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศโดยมีเจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงหรือ ความไว้วางใจของสาธารณชนต่อการดำเนินกิจการโดยชอบด้วยกฎหมายของแหล่งกำเนิด มลพิษนั้นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เห็นอะไรไหมคะท่านประธาน โทษจำคุกมาจากไหนคะ มาดูกันต่อ มาตรา ๘๑ วรรคสอง หากการแพร่หรือไขข่าวตามวรรคหนึ่งกระทำโดยการประกาศ โฆษณา หรือออกข่าวทาง หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือสื่อมวลชนอย่างอื่น ผู้กระทำความผิดต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษจำคุก ๑ ปี ๕ ปี มาจากไหนคะ มีไว้ทำไม ต้องถามผู้ร่างกฎหมายฉบับนี้มีเจตนาเพื่ออะไร ท่านประธาน กฎหมายฉบับนี้โดยเฉพาะมาตรา ๘๑ นี้ดูผิวเผินเหมือนกับว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ ฝั่งผู้ประกอบการ แต่ในความเป็นจริงแล้วเรายังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่จะคุ้มครองผู้ประกอบการ ในกรณีที่ถูกข้อมูลเท็จโจมตีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา กฎหมาย หมิ่นประมาท หรือ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ท่านประธานคะ การเปิดโปง การตั้งคำถามต่อ การกระทำความผิดของผู้ประกอบการ หรือการตั้งข้อสังเกตโดยประชาชน โดยสื่อมวลชน เมื่อได้รับเบาะแสหรือข้อเท็จจริงเบื้องต้นมาแล้ว แล้วป่าวประกาศออกไปเพื่อเฝ้าระวังจับตา สิ่งนี้ควรจะเป็นสิทธิและเสรีภาพที่จะกระทำได้ ไม่ใช่มาเขียนกฎหมายแบบนี้เพื่อมาขู่ ประชาชนและสื่อมวลชน ไม่ควรอย่างยิ่งนะคะ ไหนให้สัมภาษณ์บอกว่าจะไม่มีการเอื้อ นายทุน แล้วมาตรา ๘๑ ฉบับนี้คืออะไร โทษจำคุกที่เขียนมานี้ ๑ ปี ๕ ปีคืออะไรคะ เดี๋ยวดิฉันจะยกตัวอย่างให้ฟัง ให้เห็นภาพกันชัด ๆ นะคะ สมมุติว่ามีบริษัท A เป็นบริษัท ขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อรัฐบาล ต่อข้าราชการท้องถิ่น และผู้มีอำนาจในสังคม แต่บริษัทนี้ มีการปล่อยมลพิษทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนกันอย่างมาก พวกเขาจะหันหน้าไปพึ่งใครคะ ความหวังของพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดาหรอกหรือที่กล้าออกมาพูด กล้าออกมาตั้งคำถาม ความหวังของพวกเขา ไม่ใช่สื่อมวลชนหรือที่กล้าออกมาตีแผ่เผยแพร่ข้อมูล ที่ก้าวออกมา ตั้งคำถาม ขุดคุ้ย หรือความหวังของพวกเขาจะอยู่ที่กฎหมายที่จะคุ้มครองรับรองสิทธิ เสรีภาพของประชาชนคนธรรมดาหรือกฎหมายที่จะเอื้อให้เกิดการตรวจสอบเพื่อเพิ่มโทษ ทางอาญาหรือโทษทางสังคมให้กับผู้ประกอบการที่กระทำความผิดตามกฎหมายฉบับนี้ เพื่อกระตุ้นความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือคะที่จะช่วยให้เสียงของคนตัวเล็ก ตัวน้อยดังขึ้น สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือคะที่จะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน ท่านประธานคะ ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... ฉบับของ ครม. ที่เป็นผู้เสนอนั้นมีปัญหาอยู่ที่มาตรา ๘๑ ที่เขียนในลักษณะที่คลุมเครือ ตีความได้ กว้างขวาง เอื้อให้มีการฟ้องร้อง ปิดปากประชาชนและสื่อมวลชน ข่มขู่ด้วยระวางโทษจำคุก การเขียนกฎหมายในลักษณะนี้เป็นการข่มขู่ ตัดตอน ระงับการมีส่วนร่วมของประชาชนและ สาธารณชน วันนี้ดิฉันจะโหวตเห็นชอบให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านในวาระแรกนะคะ แต่ต้อง มีการแก้ไขในชั้นกรรมาธิการ และมาตรา ๘๑ ฉบับนี้จะต้องถูกตัดออกไป ไม่มีความจำเป็น ใด ๆ เลยค่ะ เพราะเรามีกฎหมายที่คุ้มครองผู้ประกอบการอยู่แล้ว เขียนมาแบบนี้เพื่ออะไร ท่านประธานคะ มันไม่สำคัญเลยว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องผ่านและบังคับใช้จะต้องเป็น ร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลเท่านั้น จะเป็นร่างฉบับไหนก็ได้ แต่ขอให้ประชาชนได้รับ ประโยชน์จริง ๆ ไม่ใช่สอดไส้ สกปรก เขียนมาเพื่อพวกพ้องตัวเอง เพื่อกลุ่มนายทุนที่พวกคุณ รับใช้มา ไม่ใช่ ดิฉันจะขอสนับสนุนทุกร่างในวันนี้ทั้ง ๗ ฉบับ แล้วจะคอยติดตามว่าจะมี การแก้ไขกฎหมายและตัดมาตรา ๘๑ นี้ออกหรือเปล่า ขอบคุณค่ะ
เรียนท่านประธานสภา ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๔ พรรคก้าวไกล ขอหารือประเด็น ปัญหาความเดือดร้อนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนในเขตของดิฉันจำนวน ๓ เรื่อง ดังนี้
เรื่องแรก ประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ ๔ บ้านดอนตัน ตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้ร้องเรียนมายังดิฉันถึงปัญหาความเดือดร้อนจากน้ำประปาไม่ใสสะอาด ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เมื่อดิฉันลงพื้นที่ตรวจสอบกับกรรมการประปาหมู่บ้านพบว่า น้ำที่ต้นน้ำหรือสถานที่เก็บน้ำมีน้ำใส แต่สุดสายปลายทางเป็นน้ำสีขุ่น ประเด็นปัญหาเช่นนี้ พรรคก้าวไกลได้ให้ความสำคัญ และวันนี้ สส. พรรคก้าวไกลจะยื่นญัตติขอให้สภานี้ศึกษา วิธีการแก้ปัญหานี้ทั้งประเทศ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงและที่กำกับดูแล ใส่ใจความทุกข์ร้อนของชาวบ้านและเร่งแก้ไขปัญหานี้ให้ด้วย
เรื่องที่ ๒ เป็นปัญหาที่ดิฉันได้รับแจ้งมาจากมูลนิธิสว่างสำเร็จ ซึ่งเป็น อาสาสมัครกู้ภัยทำงานในพื้นที่อำเภอสันทราย และอำเภอดอยสะเก็ด ได้รับความเดือดร้อน ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างองค์กรของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ สพฉ. ซึ่งแต่เดิมสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แต่กระบวนการเปลี่ยนผ่านทำให้ ผู้ปฏิบัติงานเกิดการตกหล่นของข้อมูล การเบิกจ่ายเงินสนับสนุนการดำเนินงานของอาสาสมัครกู้ภัย ที่จากเดิมเคยได้รับกลับไม่ได้รับ ซึ่งเป็นเช่นนี้กว่า ๙ เดือนแล้ว ปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วประเทศทำให้อาสาสมัครกู้ภัยแบกรับ ค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องมือและเวชภัณฑ์ไม่ไหว บางแห่งเดือดร้อนหนักถึงขั้นหยุดวิ่งรับส่ง ผู้ป่วยเลยก็มี ก็ขอให้ต้นสังกัดเดิมอย่างกระทรวงสาธารณสุขอย่าเพิ่งทิ้ง และกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแลมาร่วมกันแก้ปัญหานี้ด่วนค่ะ
เรื่องที่ ๓ มีชาวบ้านหมู่ที่ ๑๕ ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ได้ร้องเรียนมายัง Page ของดิฉันถึงปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ มีการเรียกรับ ผลประโยชน์ในการดำเนินการสำรวจที่ดินของเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท เพื่อการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน สทก. และมีการบุกรุกผืนป่าใหม่ ซึ่งเป็นแปลงผืนป่า ที่ชาวบ้านหวงแหนเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐออกเอกสารสิทธิ ในช่วงเวลาเดียวกันโดยทุจริต ดิฉันได้เข้าไปสอบถามประชาชนในพื้นที่เห็นว่าเป็นที่น่าสงสัยว่าจะมีการกระทำความผิดจริง ตามที่ประชาชนร้องเรียนมา จึงขอให้หน่วยงานกระทรวงต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบ อย่างละเอียดในเรื่องนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
เรียนท่านประธานสภาค่ะ ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๔ พรรคก้าวไกล ดิฉันมีเรื่อง จะปรึกษาหารือทั้งหมด ๒ เรื่อง
เรื่องแรก เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ส่งผลเสียหายเป็นวงกว้างในจังหวัด เชียงใหม่ ทำให้อาคารเรียนของโรงเรียนบ้านป่าก้าง ตำบลสันป่าเปา อำเภอสันทราย จังหวัด เชียงใหม่ ที่แต่เดิมก็ทรุดโทรมอยู่แล้วดังภาพ ทำให้ตอนนี้เสาของอาคารเรียนแตก ทำให้ นักเรียนต้องไปเรียนกันที่บริเวณด้านนอกลานจอดรถ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่ง เข้าไปแก้ไขช่วยเหลือเยียวยาเด็ก ๆ และโรงเรียนบ้านป่าก้างด้วยค่ะ
เรื่องที่ ๒ จังหวัดเชียงใหม่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นพิษอย่างหนักมายาวนาน แล้วคนเชียงใหม่เองมีสถิติเป็นมะเร็งปอดมากที่สุดในประเทศไทย ก็ขอให้รัฐบาลได้มี มาตรการป้องกัน แล้วก็แก้ไขปัญหาเยียวยาเรื่องฝุ่นพิษข้ามพรมแดนในระยะสั้นอย่างเป็น รูปธรรม สำหรับ สส. จังหวัดเชียงใหม่และ สส. ภาคเหนือพรรคก้าวไกลเรา เมื่อวานนี้เราก็ได้ยื่น ร่าง พ.ร.บ. ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดนให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ขอฝากผ่านท่านประธานมายังเพื่อนสมาชิกทุก ๆ ท่านช่วยพิจารณาเพื่อประโยชน์ของ พ่อแม่พี่น้องประชาชนด้วย แล้วก็ขอให้มีมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมได้เสียทีค่ะ เพราะว่า ปัญหาพวกนี้เป็นปัญหาที่เราจะรอช้าไม่ได้ ขอบคุณค่ะ
จำนวนสมาชิกที่มาประชุมทั้งหมดที่ลงชื่อไว้เมื่อเลิกประชุม ๔๖๘ คน
เรียนท่านประธาน ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ท่านประธานคะ การแสดงออก ทางการเมืองของประชาชนในที่ผ่านมานั้นเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าล้วนมีมูลเหตุจูงใจที่มี ความสัมพันธ์โดยตรงกับความขัดแย้งทางการเมืองเป็นเหตุให้มีการออกมาเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง แสดงความคิดเห็น จนนำไปสู่การดำเนินคดีกับประชาชนเป็นจำนวนมาก ขอสไลด์ค่ะ
วันนี้ ณ ที่แห่งนี้จึงจำเป็นที่จะต้อง มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จากชุดข้อมูลเกี่ยวกับคดีความเพื่อใช้รณรงค์นิรโทษกรรมประชาชนของศูนย์ทนายความ สิทธิมนุษยชน พบว่าจำนวนผู้ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและชุมนุมทางการเมือง ในหลายระลอกนั้น ตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๕๑ จนถึงปัจจุบัน ณ วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๗ นี้ มีจำนวนรวมทั้งสิ้นอย่างน้อย ๓,๙๐๕ ราย ใน ๒,๖๕๗ คดี ในช่วงระลอกการชุมนุมของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อปี ๒๕๕๑ มีผู้ถูกดำเนินคดีอย่างน้อย ๑๙๕ คน ในปี ๒๕๕๒-๒๕๕๖ การชุมนุมของ นปช. หรือคนเสื้อแดงมีผู้ถูกดำเนินคดีอย่างน้อย ๑,๗๖๓ คน ในปี ๒๕๖๓ ถึงปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่การชุมนุมของประชาชน เยาวชนและ คณะราษฎร ๒๕๖๓ มีผู้ถูกดำเนินคดีอย่างน้อย ๑,๙๔๗ คน ๑,๒๖๗ คดี นี่ยังไม่นับรวมคดี จากการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. และช่วง ๕ ปีของ คสช. ที่อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลของ ศูนย์ทนายความ ดิฉันจะขอยกตัวอย่างให้ละเอียดขึ้น ข้อมูลที่ทางศูนย์ทนายได้รวบรวมไว้ ตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ จนถึงปัจจุบัน ในจำนวนผู้ถูกดำเนินคดีทั้งหมดอย่างน้อย ๑,๙๔๗ คนนั้น คดีเด็กและเยาวชนจากการแสดงออกและการชุมนุม ๒๘๖ คน คดีมาตรา ๑๑๖ ๑๔๗ คน คดีมาตรา ๑๑๒ ในปี ๒๕๖๓ ถึงปี ๒๕๖๗ อย่างน้อย ๒๖๒ คน ๒๘๗ คดี โดยเป็นคดีที่มี คำพิพากษาแล้ว ๑๑๙ คดี คดีถึงที่สุดแล้ว ๓๘ คดี และยังอยู่ในชั้นศาลอีก ๑๙๓ คดี นี่คือ ตัวเลขอย่างน้อยอย่างน้อยนั่นหมายความว่ายังมีอีกหลายคดีที่ยังไม่ถูกรวบรวมไว้ในระบบ ข้อมูลนี้ ยังมีอีกหลายชีวิตที่กำลังรอคอยความเป็นธรรม ในขณะที่รัฐคอยบอกว่าอยากให้ ประชาชน เยาวชนคนไทยของเราเป็นพลเมืองที่ดี ที่มีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตย แต่พอพวกเขาออกมาแสดงความคิดเห็นที่ไม่ตรงใจพวกท่าน พวกท่านกลับจับกุมดำเนินคดี พวกเขา ไม่ให้พื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออกทางการเมือง สร้างตราบาปด้วยคดีความมั่นคง ถ้าไม่อยู่ในคุกก็ต้องหนีออกไปนอกประเทศ จากบ้าน จากเมือง จากครอบครัว จากเพื่อน บางคนไม่มีโอกาสแม้กระทั่งบอกลาครอบครัวและคนที่เขารักด้วยซ้ำไป เวลาที่พวกท่าน ขัดแย้งผลประโยชน์กันก็ดึงประชาชนเข้าไปร่วมด้วย แต่เวลาที่พวกท่านตกลงผลประโยชน์ กันลงตัวพวกท่านกลับทิ้งให้ประชาชนตาดำ ๆ ต้องเจ็บปวดอย่างเดียวดาย ดิฉันขออนุญาต สื่อสารผ่านท่านประธานไปยังผู้มีอำนาจทั้งหลายในประเทศนี้ หากพวกท่านไม่อาจจะสร้าง ความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นได้ในสังคมนี้ หากพวกท่านจะยอมไม่ได้จริง ๆ ที่จะให้คนเท่ากัน ก็ขอให้ช่วยแสดงความเมตตาต่อ ๓,๙๖๕ ชีวิตนี้เป็นอย่างน้อย ล้างตราบาปให้กับพวกเขา และครอบครัว พาประชาชนเหล่านี้ของพวกท่านกลับสู่อ้อมกอดแห่งความสงบสุข อย่าทิ้ง ใครไว้กลางทางเพียงเพราะว่าพวกเขาไม่มีผลประโยชน์ต่อพวกท่าน นี่คือคำวิงวอนจาก ประชาชนคนหนึ่งที่มีเพื่อนที่ต้องถูกจำคุก นี่คือคำวิงวอนจากประชาชนคนหนึ่งที่มีเพื่อน ที่ต้องลี้ภัยออกไปนอกประเทศ นี่คือคำวิงวอนจากประชาชนคนหนึ่งที่มีเพื่อนที่ทำงาน ถวายตัวถวายใจให้กับพรรคการเมือง แล้วต้องกลายเป็นเหยื่อถูกบังคับให้สูญหาย ดิฉัน คิดอยู่นานว่าดิฉันจะพูดเรื่องนี้ดีไหม แต่นี่เป็นสิ่งที่ดิฉันไม่เคยพูดมาก่อน และขอให้เวทีแห่งนี้ ในสภาแห่งนี้ให้ดิฉันได้พูดเพื่อเพื่อนของดิฉัน ดิฉันมาในฐานะผู้แทนราษฎรคนหนึ่ง และเพื่อนและพี่และน้องและแม่ของลูกที่เกิดมาในประเทศแห่งนี้ สุดท้ายนี้การนิรโทษกรรม ที่จะเกิดขึ้นในรอบนี้จะไม่ได้เป็นเพียงแค่การคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนเท่านั้น แต่จะ เป็นการคืนความรัก ความเชื่อมั่น ความศรัทธาที่ประชาชนตาดำ ๆ มีให้กับพวกท่าน ดิฉัน ขอให้พวกเราใช้สติพิจารณากันให้ดีว่าประเทศของพวกเราควรจะเดินหน้าไปอย่างไร ไม่ใช่ เพื่อใคร เพื่ออนาคตของลูกหลานของพวกท่านเอง ขอบคุณค่ะ
เรียนท่านประธาน ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขต ๔ พรรคก้าวไกล ดิฉันขอหารือ กับท่านประธาน ๓ เรื่องดังนี้ ขอสไลด์ค่ะ
เรื่องแรก ประชาชนผู้ใช้ถนนโชตนา บริเวณจุดกลับรถโรงพยาบาลนครพิงค์ ตำบลดอนแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ร้องเรียนเข้ามายังดิฉันถึงปัญหาความเดือดร้อนจากการสัญจร ซึ่งได้รับผลกระทบต่อชีวิต ในความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเข้ารับบริการในโรงพยาบาล โดยพบปัญหาว่าบริเวณ ถนนโชตนาตรงจุดกลับรถโรงพยาบาลนครพิงค์ในช่วงเช้ารถของประชาชนที่จะเข้า โรงพยาบาลไม่สามารถเลี้ยวเข้าได้ เนื่องจากมีรถฝั่งตรงกันข้ามที่มาจากศาลากลางจังหวัด ที่มุ่งหน้าอำเภอแม่ริมมีจำนวนมาก อีกทั้งเมื่อจะเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลก็พบว่ามีรถสะสม จำนวนมากบริเวณจุดกลับรถไปยังอุโมงค์ อีกทั้งยังมีรถที่จะมาจากทางสายหลักมุ่งหน้าไปยัง อำเภอ ซึ่งส่งผลต่อการเดินรถแล้วก็อุบัติเหตุ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวย ความสะดวกบริเวณดังกล่าวด้วยค่ะ
เรื่องที่ ๒ บริเวณแยกทุ่งหมื่นน้อยหรือแยกหน้ามหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีสวน เกาะกลางถนนแล้วก็ตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจรที่บดบังวิสัยทัศน์ในการขับขี่ใช้รถใช้ถนน ทำให้บริเวณนี้มีอุบัติเหตุแล้วก็มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นจำนวนบ่อยมาก ประชาชนได้ร้องเรียน มายังดิฉันขอให้มีการรื้อถอนปรับปรุง เพราะอันตรายมากจริง ๆ ค่ะ จึงขอให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเข้าไปกำกับดูแลแล้วก็ใส่ใจแก้ไขปัญหานี้ด้วยค่ะ
เรื่องที่ ๓ ดิฉันขอหารือกับท่านประธานค่ะ ที่ห้องอาหารของ สส. ของพวกเรามีเจ้าหน้าที่ที่คอยบริการแล้วก็อำนวยความสะดวกในเรื่องของอาหารการกิน ของพวกเราตั้งแต่เช้าจนเย็น จนเราปิดประชุมค่ะ แต่ว่าพวกเขาไม่มีเก้าอี้นั่งพักบริเวณจุดที่ พวกเขาให้บริการพวกเราเลยค่ะ ก็อยากจะขอหารือกับท่านประธานแล้วก็คณะกรรมาธิการ กิจการสภาผู้แทนราษฎรที่เกี่ยวข้องช่วยพิจารณาเรื่องของเก้าอี้ให้พวกเขาได้นั่งพักด้วย เพราะว่าดิฉันรับประทานอาหารไปแล้วก็เห็นพวกเขายืนตลอดทุกครั้งที่ดิฉันเข้าไป แล้วดิฉัน ไม่สบายใจ รับประทานอาหารไม่อร่อยเลย ก็ขอให้ช่วยพิจารณาด้วย ขอบคุณค่ะ
๒๖๕ ไม่เห็นด้วย เมื่อสักครู่กดผิดค่ะ
ท่านประธานคะ พุธิตา ชัยอนันต์ ๒๖๕ แสดงตนค่ะ
เรียนท่านประธานค่ะ ดิฉัน พุธิตา ชัยอนันต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ท่านประธานคะ เพื่อนสมาชิกก็ได้พูดกันมาเยอะ ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่าสังคมไทยเราเข้าสู่สังคมสูงวัย อย่างเต็มรูปแบบแล้วนะคะ แล้วก็ในปี ๒๕๗๓ เราจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด และเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งของพรรคก้าวไกล เมื่อสักครู่ก็ได้มีการอภิปรายพร้อมกับเปิดคลิป วิดีโอประกอบการอภิปรายที่มียายคนหนึ่งตาบอด แล้วมีหลานอายุเพียง ๔ ขวบ ที่คอยดูแล เลี้ยงดูเขา ดิฉันเชื่อว่าในสังคมไทยเรายังมีเคสแบบนี้อยู่อีกเยอะ ปัญหาไม่ได้เกิดเพียงแค่ว่า เราจะเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้วเราจะขาดแคลนวัยแรงงานเท่านั้น แต่ปัญหาคือว่ากลุ่มผู้สูงอายุ เหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความยากจน จากรายงานกว่าครึ่งหนึ่งคือผู้สูงอายุ ที่ไม่มีความมั่นคงด้านการเงิน แล้วเรามาดูที่ผ่านมานี้เราต้องยอมรับกันได้แล้วว่าการดูแล จากภาครัฐ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่รัฐให้กับประชาชน พ่อแม่ ปู่ย่าตายายของพวกเราเพียงพอ แล้วหรือไม่ อายุ ๖๐ ปี ได้ ๖๐๐ บาท อายุ ๗๐ ปี ได้ ๗๐๐ บาท อายุ ๘๐ ปี ได้ ๘๐๐ บาท กว่าจะได้ ๑,๐๐๐ บาท เสียชีวิตกันก่อนแล้วค่ะ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องตอบแทน ผู้หลักผู้ใหญ่ของพวกเรา ถึงเวลาแล้วนะคะ ถ้าเราไม่เริ่มตอนนี้แล้วจะเริ่มตอนไหน อย่าไปคิด ว่าการดูแลผู้สูงอายุเหล่านี้จะเป็นภาระทางด้านการคลัง การเงินอย่างหนัก ใช่ แต่เราจำเป็น ที่จะต้องทำและรายงานของคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการชุดนี้ก็ได้ทำออกมาอย่างดี มากเลยนะคะ ต้องขอขอบคุณทางคณะกรรมาธิการแล้วก็ทางอนุกรรมาธิการด้วย ในรายงานฉบับนี้บอกละเอียดหมดแล้วว่าเราจะดูแล เราจะหาเงินมา Support ดูแลผู้สูงอายุ ของพวกเราได้จากช่องทางไหนบ้าง จะจัดสรรงบประมาณของพวกเราอย่างไร และสิ่งเหล่านี้ ทำได้ทันที ไม่ต้องรอให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องรีบแล้ว ปี ๒๕๗๓ สังคม สูงวัยระดับสุดยอด ถ้าไม่ทำตอนนี้แล้วจะทำตอนไหนคะ นี่ทำได้เลย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้อง เปลี่ยนจากระบบเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นบำนาญพื้นฐานประชาชน เพิ่มความมั่นคง ทางการเงินให้กับประชาชน ให้กับผู้สูงวัยของเรา ให้กับพ่อแม่พี่น้องของเรา เรามาสร้าง ความสุขในบั้นปลายชีวิตให้กับพวกท่านเหล่านี้กันค่ะ ขอบคุณค่ะ