ท่านประธานที่เคารพ กระผม นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ก่อนอื่นผมต้องถือโอกาสนี้ขอขอบคุณ คุณวทันยา บุนนาค และเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรจากหลายพรรคการเมืองที่ได้ร่วมลงชื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ว่าด้วยการสมรสหรือร่างกฎหมาย สมรสเท่าเทียมในวันนี้
ท่านประธานที่เคารพ ร่างกฎหมาย สมรสเท่าเทียมเป็นชื่อที่สังคมทั่วไปใช้เรียกกฎหมายที่รับรองการสมรสของผู้ที่มี ความหลากหลายทางเพศที่นอกเหนือไปจากการสมรสของเพศชายและเพศหญิง และมัน สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียม การจำกัดสิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคแห่งการสมรสของ สังคมไทยในปัจจุบัน ท่านประธานครับ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นพื้นฐานของทุกชีวิต ทุกชีวิตเกิดมาย่อมจะต้องสัมผัสกับความรัก โดยมีความรักเป็นจุดเชื่อมความสัมพันธ์ ทั้งความรักของครอบครัว ความรักของพ่อแม่ ความรักของญาติพี่น้อง ความรักของเพื่อน ความรักของคนรัก ซึ่งเคยมีคนกล่าวไว้ว่า ความรักเป็นบ่อเกิดแห่งการปลูกฝังความเป็น มนุษย์ที่สมบูรณ์ คนเราทุกคนต่างมีความรักและใช้ความรักเป็นแรงในการขับเคลื่อนชีวิต กระผมเองเชื่อว่าความรักของมนุษย์ ไม่มีข้อจำกัดและไม่ควรมีกำแพงใด ๆ มากีดกั้นหรือเส้น กำหนดความรักระหว่างคน ๒ คน มนุษย์เราไม่ได้แตกต่างกัน มนุษย์เราไม่ได้หลงรักใคร เพราะว่าเขาเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง มนุษย์เราเพียงหลงรักใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่านประธานที่เคารพครับ ท่านเคยได้ยินไหมครับว่า เพราะความรักไม่ได้เลือกเวลาเกิด ประโยคนี้แสดงให้เห็นว่าความรักเป็นเพียงเรื่องของความรู้สึกดี ๆ ที่คน ๒ คน มีให้แก่กัน มีความคิดเห็นระหว่างบุคคล ๒ คนที่เห็นตรงกันว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ประคับประคองซึ่งกันและกัน หรือแยกจากกัน นั่นคือเรื่องส่วนบุคคลที่เราควรเคารพ ซึ่งสังคมไทยของเราในปัจจุบันมีการเปิดกว้าง แต่ยังไม่เปิดรับ การเปิดกว้าง คือการเป็น ที่ยอมรับสำหรับการแสดงตัวเป็นบุคคลที่มีรสนิยม มีการแสดงออกตามเพศวิถี หรือสร้าง ตัวตนแบบใดแบบหนึ่งอย่างกว้างขวาง แต่สังคมยังไม่ได้เปิดรับครับ คือยังไม่ได้ให้สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคในฐานะความเป็นคนที่เท่าเทียมกัน โดยการนำข้อจำกัดเรื่องเพศ เข้ามาเป็นตัวชี้วัดความรัก และการสร้างครอบครัวอย่างถูกกฎหมายของประชาชนทั่วไป สิทธิเสรีภาพความเท่าเทียม รวมถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะคอย เตือนเราว่าความรักไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเพศชายและเพศหญิง หรือเกิดขึ้นเฉพาะกลุ่มใด เป็นพิเศษ แต่ความรักเป็นเรื่องของบุคคล ๒ คนซึ่งมีให้กันและกัน สิทธิเสรีภาพในข้อนี้ จึงควรเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ประชาชนของประเทศควรได้รับอย่างเท่าเทียม โดยเสมอภาคกัน และมีศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอย่างเท่ากัน วันนี้หลายประเทศทั่วโลก ท่านประธานครับ ได้ปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ ผ่านกฎหมายการสมรสเท่าเทียม เพราะเป็น สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการสร้างครอบครัวโดยไม่จำกัดเพศไปแล้ว ปัจจุบันกว่า ๓๔ ประเทศทั่วโลก มีการรับรองการสมรสอย่างเท่าเทียม โดยประเทศล่าสุดคือประเทศ อันดอร์ราที่บังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศไต้หวันเป็นที่แห่งเดียวในเอเชียที่ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียมในปี ๒๕๖๒ นั่นเท่ากับว่าหากสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ให้การอนุมัติร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เราก็จะ เป็นแห่งที่ ๒ ของเอเชีย ที่มีการมอบสิทธิเสรีภาพแห่งการสมรสนี้ให้ผู้ที่มีความหลากหลาย ทางเพศ ร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมที่กระผมและเพื่อนสมาชิกผู้ร่วมเสนอได้เห็นพ้องต้องกัน ว่าเราควรแก้ไขในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ ในการ สมรส จดทะเบียนสมรส และการใช้ ชีวิตคู่เป็นคู่สมรส ไม่ว่าบุคคลเพศสภาพใด เมื่อสมรสกัน ก็จะได้สิทธิประโยชน์ที่กฎหมายรองรับ โดยไม่จำเป็นว่าคู่สมรสนั้นต้องเป็นเพศกำเนิด ชายและหญิงเท่านั้น อาทิ ให้คู่ระหว่างบุคคล ๒ คนมีสถานะทางกฎหมายเป็นคู่สมรส อายุขั้นต่ำในการจดทะเบียนสมรสคือ ๑๘ ปี สามารถจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ ได้สามารถจัดการทรัพย์สินร่วมกันได้ สามารถรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ สามารถรับมรดก ของคู่สมรสในกรณีที่ไม่ได้ทำพินัยกรรมได้ สามารถจัดการทั้งคู่สมรสในกรณีเป็นผู้เสียหาย ในทางคดีอาญาได้ สามารถใช้นามสกุลของคู่สมรสได้ ไม่ต้องเสียภาษีมรดกกรณีรับมรดก จากคู่สมรสที่เสียชีวิต และสามารถตัดสินใจในทางการแพทย์ได้ พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ครับท่านประธาน ภายใต้นิยามของการสมรสเรา ๆ ท่าน ๆ ทุกท่านในที่นี้และพี่น้องประชาชน ทุกคนจะมีสถานะเป็นปัจเจกบุคคล เป็นคนเท่ากันเหมือนกัน โดยมิได้แบ่งแยกเพศ ซึ่งการสมรสของชายหญิงในอดีตมีสิทธิอย่างไร ร่างกฎหมายสมรสฉบับนี้ก็จะมอบสิทธิ เหล่านั้นให้ทุกคนเช่นเดียวกัน ท่านประธานที่เคารพครับ กระผมขออนุญาตหยิบยกตัวอย่าง กรณีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อช่วงปลายปี ๒๕๖๓ ที่ผ่านมา สุดแสนจะทรมานใจครับ ข้าราชการครู LGBTQ+ ท่านหนึ่งเป็นข้าราชการได้ใช้สิทธิเบิกค่ารักษาช่วยคู่ชีวิตของตนเอง ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับไม่ได้ หลังจากแต่งงานกันมา ๕ ปี เพราะอะไรครับ เพราะว่า กฎหมายไม่รองรับอย่างไรครับ เมื่อกฎหมายไม่เปิดช่อง คุณครูท่านนั้นจึงถูกจำกัดสิทธิพึงมี ไปโดยปริยาย สุดท้ายคู่ชีวิตของคุณครูท่านนั้นต้องจบชีวิตลง อย่างไรก็ดีครับท่านประธาน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของฐานะทางการเงิน แต่เรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงสิทธิที่บุคคลควรได้รับ แต่กลับไม่ได้รับเพียงเพราะข้อจำกัดทางกฎหมาย นี่จึงเป็นตัวอย่างและเหตุผลสำคัญที่เรา ควรช่วยกันผลักดันร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้ได้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุดครับ ต่อจากนี้ เราควรช่วยกันสร้างสังคมที่ยอมรับและเปิดรับความหลากหลายทางเพศ โดยไม่กำหนด กรอบและสร้างบรรทัดฐานทางเพศให้ใคร แต่ควรให้บุคคลนั้นเป็นผู้กำหนดตัวเอง เลือกแนวทางของตนเอง สร้างวิถีความเป็นตัวเองอย่างถูกต้อง และสร้างความเสมอภาคกัน ทางสังคมตามมาตรา ๒๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ว่าบุคคลย่อมเสมอกัน ในกฎหมาย มีสิทธิเสรีภาพและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน ท่านประธาน ที่เคารพครับ กระผมเชื่ออย่างยิ่งว่าในสังคมประชาธิปไตยเราเชื่อว่ากฎหมายที่ดีต้องมุ่ง รองรับคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้คน โดยการขยายสิทธิเสรีภาพเหล่านั้นให้กว้างขึ้น มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพใหม่ ๆ ตามยุคตามสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป แน่นอนครับ ผมกำลังอภิปรายถึงอำนาจนิติบัญญัติของสภาแห่งนี้ ที่ท่านกำลังจะทำหน้าที่ในการรับรอง และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้แก่คนไทยทุกคน วันนี้ผมขอถือโอกาสว่าสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรแห่งนี้กำลังจะมอบของขวัญปีใหม่อันล้ำค่าให้กับพี่น้องคนไทยที่มีความหลากหลาย ทางเพศรวมถึงพี่น้องคนไทยทุกคน และผมเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สภาของเราจะได้ร่วมกัน อนุมัติร่างกฎหมาย พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมที่ทันโลก ทันสมัยที่สุดแห่งยุคของพวกเรา ผมขอเชิญชวนเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน ทุกพรรคการเมือง มาหลอมรวมเป็น หนึ่งเดียวเพื่อช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์อันน่าภูมิใจในฐานะที่เราเป็นคนเท่ากัน มีศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์เสมอกันในครั้งนี้ให้สำเร็จด้วย กราบขอบพระคุณท่านประธานครับ