ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดวงมณี เลาวกุล

  • เรียนท่านประธานสภา ที่เคารพ ดิฉัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดอกเตอร์ดวงมณี เลาวกุล เป็นที่ปรึกษาของคณะอนุ กรรมาธิการค่ะ ต่อไปนี้จะนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องของแหล่งรายได้แล้วก็ที่มาว่าจะทำอย่างไร ให้เราสามารถเกิดระบบบำนาญพื้นฐานแห่งชาติได้นะคะ ก่อนอื่นก็จะกล่าวถึงตัวงานศึกษา ต่าง ๆ ที่เคยมีมาในอดีตว่าเขามีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้กันไว้อย่างไร ในส่วนของ ธนาคารโลกก็ได้มีการเสนอว่าในการที่จะทำให้มีบำนาญพื้นฐานได้จะต้องมีการบูรณาการ โครงการต่าง ๆ ที่มีอยู่เข้าด้วยกัน โดยที่มุ่งเน้นไปที่การลดความยากจนในผู้สูงอายุ แล้วก็ มีการเสนอว่าจะต้องมีหน่วยงานกำกับดูแลนโยบายในภาพรวม แล้วก็ต้องมีการปฏิรูปภาษี ในแบบลักษณะของก้าวหน้า สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยก็ได้มีการเสนอไว้ว่า จะต้องมีการปฏิรูปภาษีให้ใกล้เคียงกับศักยภาพในการเสียภาษีของคนในประเทศ เพื่อสร้าง ความเป็นธรรมแล้วก็ความเสมอภาคเกิดขึ้น แล้วก็เสนอให้มีการ Earmark ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นงบประมาณทางด้านสวัสดิการ ส่วนในแผนปฏิบัติการราชการผู้สูงอายุระยะที่ ๓ เอง ก็มีการพูดถึงว่าจะต้องมีการปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษีให้รัฐมีรายได้ที่พอเพียง เพื่อใช้ ในการจัดสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุโดยไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แล้วก็ทำ ให้ผู้ที่อยู่ในฐานภาษีไม่ได้รับผลกระทบจนเกินไป

    อ่านในการประชุม

  • งานของท่านอาจารย์ ผาสุก พงษ์ไพจิตร ก็เสนอให้มีการปรับโครงสร้างงบประมาณมาเน้นสวัสดิการมากขึ้น งานของท่านอาจารย์นพนันท์ วรรณเทพสกุล และคณะ ก็มีการเสนอว่าการที่มีเงินโอน สวัสดิการผู้สูงอายุจะทำให้มีตัวคูณทางการคลังมากถึง ๑.๕ เท่า งานของอาจารย์ทีปกร จิร์ฐิติกุลชัย และคณะ ก็บอกว่ามีการเสนอว่ามีการปฏิรูปภาษีต่าง ๆ แล้วก็ยังชี้ให้เห็นว่า การมีบำนาญพื้นฐาน ในระดับ ๓,๐๐๐ บาท ก็ยังเป็นงบประมาณที่ค่อนข้างน้อยกว่าระบบ บำนาญของภาครัฐที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีโอกาสสูงขึ้นในอนาคต ในรายงานของ คณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคมชุดปัจจุบันนี้ ก็มีการทำการศึกษาแล้วก็ผลการศึกษา พบว่าถ้าไม่มีการทำอะไรเลยงบประมาณจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะว่าในส่วนนี้มีงบ บำนาญต่าง ๆ ที่สูงขึ้น เพราะฉะนั้นในขณะที่เราพบว่ามันมีงบประมาณที่จะต้องเพิ่มสูงขึ้น มาก ๆ ตรงนี้ก็จะต้องหาทางว่าเราจะทำอย่างไรที่จะสามารถสร้างระบบสวัสดิการของ ประเทศให้เป็นระบบสวัสดิการที่มีคุณภาพแล้วก็ยั่งยืนได้

    อ่านในการประชุม

  • ในส่วนข้อเสนอของคณะกรรมาธิการชุดปัจจุบันว่ามีตัวรายได้ต่าง ๆ ว่าจะมี รายได้ในส่วนไหนที่จะเข้ามาได้บ้าง ก็มีงานศึกษาของทางสำนักงบประมาณของรัฐสภาที่มี การศึกษาและพบว่าจริง ๆ แล้วงบประมาณในส่วนของงบกลางมันมีรายการบางรายการ ที่ไม่ใช่รายการฉุกเฉินหรือว่าจำเป็น ซึ่งตรงนี้ไม่ควรที่จะมาใช้ในส่วนของงบกลาง ซึ่งแหล่ง งบประมาณตรงนี้มีอยู่ประมาณ ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ก็สมควรที่จะมีการปรับปรุง แก้ไข ซึ่งอาจจะมีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางได้ ในส่วนของแหล่งงบประมาณที่มีอยู่เดิมในปัจจุบันนี้ก็สามารถที่จะนำมาเป็นแหล่ง งบประมาณของการทำระบบบำนาญพื้นฐานได้ อย่างแรกเลยก็คือตัวภาษีสรรพสามิต ที่เกี่ยวกับสุรา ยาสูบ น้ำมันเชื้อเพลิงหรือยานพาหนะ ๒. ก็คือเงินนำส่งจากการออกสลาก รางวัลค้างจ่ายพร้อมดอกผล ๓. ก็จะเป็นส่วนแบ่งค่าสัมปทาน ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ในกิจการสื่อสารวิทยุโทรคมนาคมต่าง ๆ ๔. ก็จะเป็นเงินนำส่งคลังที่ได้รับมาตามกฎหมาย ว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียน ๕. ก็จะเป็นเงินบำรุงกองทุนที่ได้มาจากภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม แล้วก็อากรขาเข้า ในส่วนที่ไม่ได้รับการต่อสิทธิพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมการลงทุน แล้วก็จะมีในส่วน ของภาษีมรดก ในส่วนของกฎหมายส่งเสริมการลงทุนเองตามจริงแล้วในส่วนนี้มีรายจ่าย ที่ประเทศสูญเสียไป ในปีงบประมาณ ๒๕๖๕ มีรายจ่ายที่สูญเสียไปในส่วนนี้มากถึง ๒.๘ แสนล้านบาท ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์จริง ๆ ที่เป็นคนไทยจะแค่ประมาณครึ่งหนึ่ง ของรายจ่ายตรงส่วนนี้เท่านั้นเองนะคะ ถัดไปถ้าเรามองว่ารายรับต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ มันอาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นเราก็จะต้องมีการปฏิรูป มีการปรับปรุงในส่วนของ รายรับในอนาคต ซึ่งก็จะมีรายการต่าง ๆ ที่สามารถปรับปรุงได้ หรือว่ามีการเพิ่มเข้ามาได้ อย่างเช่นรายได้จากการจัดเก็บภาษีทางอ้อม การจัดสรรงบประมาณบางส่วนจากการจัดเก็บ ภาษีสรรพสามิต พวกภาษีบาปต่าง ๆ อย่างเช่น เรื่องของธุรกิจกัญชาหรือว่ากระท่อม ๖. ก็จะเป็นส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยเฉพาะการกำหนด ให้มีการจำหน่ายสลากการกุศลเพื่อนำงบประมาณมาใช้ในเรื่องของบำนาญพื้นฐาน ประชาชน ในส่วนที่ ๗ ก็จะเป็นเงินบำรุงกองทุนที่ได้จากการจัดเก็บภาษีความมั่งคั่ง ภาษี กำไรจากหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ภาษีการได้รับประโยชน์จากการพัฒนาระบบ สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของรัฐที่เคยมีการนำเสนอเกี่ยวกับภาษีลาภลอย ถัดไปก็จะเป็นเงินบำรุงกองทุนจากการจัดเก็บภาษีในกลุ่มธุรกิจพลังงานแล้วก็ภาษี สิ่งแวดล้อม แล้วก็จะมีในส่วนของเงินบำรุงกองทุนที่ได้จากการเป็นเรื่องของส่วนแบ่งรายได้ จากค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตของสถานบันเทิงครบวงจร ถ้าเรามีในอนาคตนะคะ ถัดไปก็จะเป็นเรื่องของเงินบำรุงกองทุนที่ได้จากภาษีการท่องเที่ยว ค่าธรรมเนียม Visa ประเด็นที่ ๘ ก็จะเป็นเงินบำรุงกองทุนที่ได้จากส่วนแบ่งรายได้ที่ได้จากการยึดทรัพย์สิน ที่มาจากการกระทำที่มีความผิดในคดีอาญา โดยมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็น ของแผ่นดิน นอกจากนั้นเราก็ยังสามารถที่จะมีเงินบำรุงอื่น ๆ ที่กำหนดให้เป็นเงินบำรุง กองทุนตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้ด้วย อันนี้ก็จะเป็นข้อเสนอสำหรับงานศึกษา ของทางกรรมาธิการ แต่อย่างไรก็ตามถ้าเราย้อนกลับไปดูงานศึกษาของคณะกรรมาธิการ ในชุดก่อนก็จะมีข้อเสนอเกี่ยวเนื่องกับการปรับปรุงแหล่งที่มาต่าง ๆ แล้วก็ในงานศึกษา ก็พบว่าเงินสมทบกองทุนบำนาญพื้นฐานแห่งชาติจากการจัดสรรงบประมาณก็มี ความต้องการประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท เงินสมทบที่มาจากรายได้จากการจัดเก็บภาษี จากการนำเข้าและส่งออก ซึ่งในปี ๒๕๖๒ รัฐจัดเก็บภาษีนำเข้าและส่งออกได้ ๓.๗๑ แสนล้านบาท แล้วก็มีข้อเสนอในเรื่องของการลดหรือว่างดเว้นการให้สิทธิประโยชน์ ด้านการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งก็ตรงกับของกรรมาธิการชุดนี้ แล้วก็มีเงินสมทบจากรายได้ จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วก็สลากการกุศลต่าง ๆ ซึ่งในปี ๒๕๖๒ มีรายได้ ในส่วนนี้อยู่ ๑.๗๕ แสนล้านบาท การจัดสรรค่าภาคหลวงแร่ ค่าภาคหลวงปิโตรเลียม แล้วก็ ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม นอกจากนั้นก็ยังมีข้อเสนอว่าควรที่จะหาแนวทางในการจัดสรร งบประมาณจากหลาย ๆ ด้านเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากภาษีทางอ้อม การจัดสรร งบประมาณบางส่วนจากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต พวกภาษีบาปต่าง ๆ แล้วก็อีกส่วนหนึ่ง ก็อาจจะเป็นรายได้จากการบริจาคที่สามารถสมทบเข้ามาในกองทุนผู้สูงอายุได้ อันนี้ก็เป็นผล การศึกษาของคณะกรรมาธิการชุดนี้ที่มีข้อเสนอเกี่ยวกับแหล่งรายได้ว่าจะทำอย่างไรที่จะ สามารถพัฒนาระบบบำนาญพื้นฐานแห่งชาติได้ แต่อย่างไรก็ตามในการพัฒนาแหล่งรายได้ ต่าง ๆ เหล่านี้ก็อาจจะต้องมีบางกลุ่มที่มีความสามารถในการที่จะจ่ายมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ก็จะต้องมีการแบ่งปันเกิดขึ้นในสังคม เพื่อให้สังคมของเราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข ขอบคุณค่ะ

    อ่านในการประชุม